รู้หรือไม่ว่า… ร่างกายมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ประมาณ 70% และร่างกายคนเราจะสูญเสียน้ำเฉลี่ยวันละ 0.5 – 1.5 ลิตร ผ่านทางปัสสาวะ และถ้าร่างกายเราขาดน้ำเพียง 3 วัน ก็อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้! จะเห็นได้ว่าการดื่มน้ำเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตมากเลยทีเดียว… ฉะนั้น ตามมาดูกันเลยว่า เราควรดื่มน้ำ อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด พร้อมประโยชน์ดีๆจากดื่ม น้ำดื่มสะอาด
🕒 ดื่มน้ำเวลาไหน ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด?
“การดื่มน้ำ” คือเรื่องที่ดูธรรมดา แต่ส่งผลต่อสุขภาพของเรามากอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะเมื่อดื่มน้ำอย่างถูกวิธี และ ถูกช่วงเวลา น้ำเปล่าธรรมดาก็สามารถกลายเป็นตัวช่วยบำรุงสุขภาพที่มีประสิทธิภาพได้ทันที
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าแค่ปรับ “เวลาในการดื่มน้ำ” ให้เหมาะสมกับกิจกรรมในแต่ละวัน ก็สามารถช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น เพิ่มพลังงาน ลดน้ำหนัก หรือแม้แต่เสริมสร้างสมาธิได้แบบธรรมชาติ วันนี้เราจะพาคุณไปดูว่า การดื่มน้ำตามช่วงเวลาที่เหมาะสม ช่วยดูแลสุขภาพได้อย่างไร พร้อมเคล็ดลับดี ๆ ที่นำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
1.ดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอน (เวลา 06.00 – 07.00 น.)
หลังจากนอนหลับมาทั้งคืน ร่างกายจะสูญเสียน้ำไปโดยไม่รู้ตัว การดื่มน้ำเปล่าประมาณ 1 แก้วหลังตื่นนอน จะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต กระตุ้นการขับถ่าย และช่วยล้างของเสียที่ตกค้างในร่างกาย จึงเป็นเรื่องสำคัญ และได้ประโยชน์ดีดีมากมาย เช่น
- ช่วยปรับสมดุลร่างกาย สร้างความสดชื่น
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
- ช่วยทำความสะอาดทางเดินอาหาร
- กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่
- ช่วยให้ผิวกระจ่างใส
2.ดื่มน้ำก่อนอาหาร (30 นาที)
การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารเช้า กลางวัน หรือเย็น ประมาณ 1 แก้ว จะช่วยกระตุ้นน้ำย่อย ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยควบคุมความอยากอาหาร เหมาะกับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก และยังมีงานวิจัย ปี 2019 เปิดเผยว่า กลุ่มอาสาสมัครที่ดื่มน้ำเย็นที่ 1.6 องศาเซลเซียส หรือ 35 องศาฟาเรนไฮด์ กินอาหารน้อยลงกว่าอีกกลุ่มที่ดื่มน้ำอุ่น หรือน้ำร้อน เนื่องจากอุณหภูมิที่เย็นลงทำให้การย่อยอาหารช้าลง และอาจช่วยลดความอยากอาหารลงได้
3.ดื่มน้ำระหว่างวัน (ทุก 1-2 ชั่วโมง)
ไม่ควรรอให้รู้สึกกระหายแล้วค่อยดื่ม ควรจิบน้ำเรื่อย ๆ วันละประมาณ 6-8 แก้ว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของร่างกาย ป้องกันอาการอ่อนเพลีย และช่วยให้สมองมีสมาธิอยู่เสมอ
4.ดื่มน้ำก่อนและหลังออกกำลังกาย
ก่อนออกกำลังกายประมาณ 30 นาที ควรดื่มน้ำ 1 แก้วเพื่อเตรียมความพร้อมให้ร่างกาย และหลังออกกำลังกาย ควรดื่มน้ำอีกครั้งเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากเหงื่อ

สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายทั่ว ๆ ไป อย่างเช่น เดินจ็อคกิ้ง เดินเร็ว ขี่จักรยาน ควรดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนออกกำลังกายสัก 30 นาที และควรจิบน้ำเรื่อย ๆ ในระหว่างที่ออกกำลังกาย
5.ดื่มน้ำก่อนเข้านอน (ประมาณ 1 แก้วเล็ก)
การดื่มน้ำก่อนนอนช่วยรักษาระดับความชุ่มชื้นของร่างกายตลอดคืน แต่ควรดื่มในปริมาณพอเหมาะ เพื่อไม่ให้ตื่นบ่อยกลางดึกจากการปวดปัสสาวะ
ผู้ที่ต้องรับประทานยาก่อนนอน ผลข้างเคียงของยาอาจทำให้เกิดอาการปากแห้ง คอแห้งได้ วิธีแก้คือ ให้ตั้งขวดน้ำ หรือแก้วน้ำวางไว้ข้างเตียง เผื่อรู้สึกกระหายน้ำกลางดึก ก็สามารถจิบน้ำได้ทันที
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการดื่มน้ำอย่างได้ผล
- เลือก น้ำสะอาดคุณภาพดี ที่ผ่านการกรองหรือน้ำดื่มบรรจุขวดที่ได้มาตรฐาน เช่น น้ำดื่มวีว่า
- พกขวดน้ำติดตัวไว้เสมอ เพื่อเตือนให้จิบระหว่างวัน
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็นจัด เพราะอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหารในบางคน
- ใช้แอปพลิเคชันช่วยเตือนดื่มน้ำสำหรับคนที่ลืมบ่อย
ปริมาณน้ำที่ควรดื่มให้ได้ภายใน 1 วัน
โดยปกติ คนเราจะเสียน้ำจากการปัสสาวะเฉลี่ยวันละประมาณ 0.5-1.5 ลิตร และอีกเกือบถึง 1 ลิตรสำหรับ การหายใจ และทางเหงื่อ ซึ่งถ้าคุณดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร (ประมาณ 8 แก้ว) ก็จะช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำในส่วนนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ร่างกายของแต่ละคนต้องการน้ำในปริมาณที่แตกต่างกัน เราจึงแนะนำให้คำนวณโดยใช้สูตร ดังนี้
น้ำหนัก / 30 = ปริมาณน้ำ (มล.)
เช่น น้ำหนักตัว 65 กิโลกรัม / 30 = 2,166 มล. (หรือ 2 ลิตร/วัน)
- ถ้าเป็นนักกีฬา ที่ต้องเสียเหงื่อมาก ควรดื่มน้ำให้มากกว่าบุคคลทั่วไป
อย่างไรก็ตาม National Academies of Sciences, Engineering, and Medicine แนะนำให้ผู้ชายดื่มน้ำวันละ 13 แก้ว (หรือแก้วละ 240 ml.) ส่วนผู้หญิงควรดื่มน้ำวันละ 9 แก้ว หรือมากกว่า
ดื่มน้ำ ตามช่วงเวลานี้ เพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดของเรา
การดื่มน้ำเป็นประจำทุกวันเสมอต้นเสมอปลาย ตามช่วงเวลา ที่เราแนะนำด้านล่างนี้ เป็นวิธีที่จะช่วยให้สุขภาพองค์รวมดีขึ้นได้อย่างแน่นอน
สุขภาพดี เริ่มต้นได้ง่าย ๆ แค่ “รู้จักเวลาในการดื่มน้ำให้ถูกต้อง” การดื่มน้ำตามช่วงเวลาที่เหมาะสมไม่เพียงแค่ช่วยดับกระหาย แต่ยังช่วยให้ร่างกายทำงานมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาสุขภาพ และช่วยเสริมพลังในแต่ละวันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
อย่ามองข้ามพลังของ “น้ำเปล่า” และหมั่นดูแลตัวเองด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ พร้อมเลือกน้ำดื่มที่สะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐาน เพื่อให้ทุกหยดที่ดื่มเข้าไป ช่วยส่งเสริมสุขภาพคุณได้อย่างแท้จริง