viva blog-How much water should you drink in one day

ดื่มน้ำเท่าไหร่ถึงพอใน 1 วัน? ต้องดื่มตามน้ำหนักตัวไหม?

viva blog-How much water should you drink in one day

การดื่มน้ำเป็นสิ่งพื้นฐานที่หลายคนอาจมองข้าม แต่จริง ๆ แล้ว ปริมาณน้ำที่ควรดื่มในแต่ละวัน ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว กิจกรรมที่ทำ และสภาพแวดล้อมรอบตัวด้วย การดื่มน้ำไม่เพียงพออาจส่งผลต่อสมอง ระบบขับถ่าย ไปจนถึงการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย

สูตรคำนวณง่าย ๆ: ดื่มน้ำตามน้ำหนักตัว

หลายคนอาจเคยได้ยินว่า “ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว” คือปริมาณที่พอเหมาะ แต่ในความเป็นจริง ปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันนั้น ไม่เท่ากันในแต่ละคน เพราะขึ้นอยู่กับ น้ำหนักตัว และ กิจกรรมที่ทำในชีวิตประจำวัน

สูตรคำนวณดื่มน้ำเท่าไหร่ถึงพอใน1วัน-viva blog

การคำนวณปริมาณน้ำที่ควรดื่มแบบง่ายที่สุดคือ:

🧊 น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) × 30–40 มิลลิลิตร = ปริมาณน้ำที่ควรดื่มใน 1 วัน (มิลลิลิตร)

ตัวอย่างเช่น:

  • น้ำหนัก 50 กิโลกรัม → ควรดื่มประมาณ 1.5 – 2 ลิตร/วัน
  • น้ำหนัก 70 กิโลกรัม → ควรดื่มประมาณ 2.1 – 2.8 ลิตร/วัน

หากคุณเป็นสายออกกำลังกาย หรือทำงานกลางแจ้ง การดื่มน้ำตามสูตรนี้อาจยังไม่พอ จำเป็นต้องเสริมเพิ่มตามสภาวะการสูญเสียน้ำในร่างกาย

ปรับปริมาณน้ำตามกิจกรรมและสภาพแวดล้อม

แม้ว่าการคำนวณปริมาณน้ำจากน้ำหนักตัวจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ในความเป็นจริง การใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนไม่เหมือนกัน กิจกรรมต่าง ๆ เช่น การออกกำลังกาย การอยู่ในอากาศร้อน หรือแม้แต่การนอนน้อย ล้วนทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ และอาจต้องการน้ำมากกว่าที่สูตรพื้นฐานกำหนด

  • ออกกำลังกายหนัก → เพิ่มน้ำ 0.5 – 1 ลิตร
  • อากาศร้อน → เหงื่อออกมาก ควรดื่มบ่อยและเพิ่มปริมาณ
  • ผู้ป่วย / คนมีไข้ / ผู้หญิงตั้งครรภ์ → ต้องปรับเพิ่มตามคำแนะนำแพทย์

การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอกับสถานการณ์รอบตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่แค่ “ดื่มให้ครบ” แต่ต้อง “ดื่มให้เหมาะกับร่างกาย” ในขณะนั้นด้วย เพราะน้ำไม่เพียงแค่ช่วยดับกระหาย แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอุณหภูมิร่างกาย
ลำเลียงสารอาหาร และฟื้นฟูสมดุลในร่างกายให้พร้อมใช้ชีวิตได้เต็มที่ในแต่ละวัน

สิ่งสำคัญคือต้อง ดื่มน้ำเป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งวัน ไม่ควรรอดื่มตอนกระหายเท่านั้น

viva blog-ตารางดื่มน้ำตามน้ำหนักตัว

สัญญาณเตือนว่าร่างกาย “ขาดน้ำ”

หลายคนเข้าใจว่า “กระหายน้ำ” คือสัญญาณแรกของการขาดน้ำ แต่ความจริงแล้ว เมื่อร่างกายรู้สึกกระหาย แปลว่าเรากำลังขาดน้ำไปแล้วระดับหนึ่ง และหากยังละเลยต่อไปอาจส่งผลกระทบต่อทั้งระบบย่อยอาหาร สมอง ผิวพรรณ ไปจนถึงการทำงานของหัวใจ

  • รู้สึกกระหายบ่อย
  • ปากแห้ง ลิ้นแห้ง
  • ปัสสาวะสีเข้ม เหลืองจัด หรือกลิ่นแรง
  • เหนื่อยง่าย มึนหัว สมองเบลอ
  • ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น

หากมีอาการเหล่านี้ ควรเริ่มจิบน้ำทันที และปรับพฤติกรรมการดื่มให้สม่ำเสมอ

เคล็ดลับการดื่มน้ำให้พอดีในแต่ละวัน

แม้จะรู้แล้วว่าในแต่ละวันควรดื่มน้ำกี่ลิตร แต่การดื่มน้ำให้ “พอดี” และ “สม่ำเสมอ” กลับไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ ทำงานติดโต๊ะ หรืออยู่ในที่ที่เข้าห้องน้ำลำบาก หลายคนจึงเผลอปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำโดยไม่รู้ตัว

  • พกขวดน้ำส่วนตัวไว้ใกล้มือ
  • ตั้งเตือนดื่มน้ำทุก 1–2 ชั่วโมง
  • เริ่มต้นวันด้วยน้ำอุ่น 1 แก้วตอนเช้า
  • หากเบื่อน้ำเปล่า ลองผสมน้ำเลมอนหรือน้ำผลไม้เล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ

สรุป: ดื่มน้ำวันละกี่ลิตรจึงจะพอ?

คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวและกิจกรรมของคุณ โดยการ ดื่มน้ำตามน้ำหนักตัว เป็นแนวทางที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด เพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้น สดชื่น และทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

อย่าลืมว่า สุขภาพดี เริ่มต้นได้ง่าย ๆ แค่ดื่มน้ำให้พอในแต่ละวัน เลือกดื่มน้ำอย่าลืม น้ำวีว่า อีกหนึ่งทางเลือกของ น้ำดื่มสะอาด

คำเตือน: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเพื่อทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัยหรือข้อกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ

น้องวีวี่

ผู้เขียน น้องวีวี่

เราคือทีมเขียนบล็อกของ Viva ที่ชอบแชร์เรื่องน้ำดี ๆ เคล็ดลับสุขภาพ และไลฟ์สไตล์แบบสดชื่นทุกวัน เขียนจากประสบการณ์จริง ผสมความรู้แบบเข้าใจง่าย อยากให้ทุกคนดื่มน้ำอย่างมีความสุข และใช้ชีวิตให้สดใสเหมือนน้ำเย็นๆ ขวดหนึ่ง